1. น้ำมันมะพร้าวของ Native (เนทีฟ) แตกต่างจากแบรนด์อื่นอย่างไร?
น้ำมันมะพร้าวของเรา ผลิตจาก "มะพร้าวพันธุ์น้ำหอมเป็นหลัก" ทำให้น้ำมันที่ได้มีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ ที่มาจากกรรมวิธีการผลิตอันทันสมัย ด้วยระบบ centrifugal 3 ขั้นตอน และ winterization -5 องศา ความหอมที่ได้นั้น เราไม่ได้แต่งกลิ่นใดๆให้หอมหวาน กลิ่นที่ได้นั้นมาจากผลผลิตของมะพร้าวในแต่ละ Lot บาง Lot หอมมาก บาง Lot หอมน้อย ทำให้น้ำมันมะพร้าว เนทีฟ ของเรามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ใครเลียนแบบยา่ก กลิ่นจะหอมละมุนอ่อนๆ เป็นความหอมจากธรรมชาติจริงๆ เนื้อเบา นุ่ม ไม่หนืดและที่สำคัญรสชาติดีอีกด้วย เพราะเป็นแบรนด์แรกที่มีหัวปั๊มเพิ่มเข้ามาเพื่อความสะดวกในการใช้งาน หัวปั๊มจะถูกซีลไว้ข้างขวด แสดงให้เห็นว่าจะใช้ก็ได้ ไม่ใช้หัวปั๊มก็ได้ ความสะอาดและความปลอดภัย เราพิถีพิถันในการใช้นน้ำมันล้างบรรจุภัณฑ์จะเห็นได้ว่า บรรจุภัณฑ์ของเราจะเสมือนเคลือบความมันไว้ นั่นก็คือ ความมันจะน้ำมันมะพร้าวนั่นเอง เพราะหลีกเลี่ยงน้ำเปล่า เนื่องจากในน้ำเปล่ามีคลอรีน
2. น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น กับ น้ำมันมะพร้าวปรุงอาหารต่างหรือมีความเหมือนกันอย่างไร?
2.1 น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 100% จะมีสีขาว เหมือนน้ำ เพราะไม่ผ่านความร้อนเลย
ส่วนน้ำมันมะพร้าวปรุงอาหาร 100% จะมีสีเหลืองทอง เพราะผ่านความร้อนส่วนหนึ่งจากกรรมวิธีการผลิต
2.2 น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น จะใช้ทานได้โดยตรง และใช้ประโยชน์ได้เยอะกว่า
น้ำมันมะพร้าวปรุงอาหาร จะใช้ได้เฉพาะปรุงอาหารและเป็นวัตถุดิบในการทำสบู่ หรือเป็นน้ำมันที่ใช้ทำสมุนไพรเท่านั้น
2.3 น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น จะผลิตจากกรรมวิธีการสกัดเย็น 100% เป็นน้ำมันที่ไม่ผ่านกรรมวิธี คือไม่ใช้สารเคมีใดๆเติมลงไปในน้ำมัน ทำให้มีความหืนที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติได้ แต่ความหืนในที่นี้ ไม่ใช่แปลว่าน้ำมันเสีย หรือเสื่อมคุณภาพ ความหืนจะเกิดขึ้นจากการที่อ๊อกซิเจนเข้าไปจับในโมเลกุลน้ำมัน แล้วทำปฎิกิริยาต่อตัวน้ำมัน แต่ถ้าเกิดการเหม็นหืน นั่นหมายความว่า น้ำมันที่ผลิตออกมา เกิดจากการผลิตที่ไม่ดี
น้ำมันมะพร้าวปรุงอาหารก็เช่นเดียวกัน เกิดจากกรรมวิธีการสกัดเย็น แต่วัตถุดิบตั้งต้น คือ ทำจากมะพร้าวอบแห้ง แล้วมาสกัดเย็นอีกครั้ง ทำให้ได้น้ำมันปรุงอาหารที่ไม่ผ่านกรรมวิธี เหมือนน้ำมันปรุงอาหารทั่วไป มีอายุการเก็บรักษาได้นาน และมีประโยชน์ในด้านสุขภาพ คือ ไม่มีสารไนโตรเจน หรือไฮรโดรเจน มาเป็นตัวแปรให้เกิดไขมันทรานส์ เพราะสารเคมีเหล่านี้ เมื่อโดนความร้อนจากการปรุงอาหาร อีกครั้งจะเกิดการแปรสภาพเป็นไขมันที่เรียกว่า Trans faf acid หรือที่เรียกว่าไขมันทรานส์ ทำให้เกิดอนุมูลอิสระขึ้นในร่างกายของเราได้ง่าย และเราจะเป็นโรคต่างๆได้ง่ายขึ้น
3. น้ำมันมะพร้าวเป็นโทษกับร่างกายหรือไม่?
วงการแพทย์และนักโภชนาการสมัยใหม่ค้นพบแล้วว่า น้ำมันมะพร้าวไม่เป็นโทษกับร่างกาย อันที่จริงสิ่งที่ให้โทษกับร่างกายคือน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธีหรือน้ำมันพืชที่เราใช้ปรุงอาหารอยู่ในปัจจุบัน ในทางกลับกันน้ำมันมะพร้าวกลับช่วยป้องกันโรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็ง ไม่ทำให้อ้วนเพราะเผาผลาญได้เร็วจึงไม่สะสมในร่างกาย และไม่ทำให้คอเลสเตอรอลสูงขึ้น และด้วยความที่เป็นกรดไขมันอิ่มตัวจึงช่วยควบคุมการเกิดออกซิเดชั่นของไขมันในร่างกาย ช่วยลดอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวพรรณดี ไม่เหี่ยวย่นแก่ก่อนวัย น้ำมันมะพร้าวไม่เป็นโทษแม้แต่กับเด็กเล็ก เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยกรดลอริค ซึ่งเป็นกรดไขมันที่พบได้มากในน้ำนมแม่ในช่วงอายุ 6 เดือน
4.วิธีการรับประทานน้ำมันมะพร้าวที่ถูกวิธีต้องทำอย่างไร
วิธีรับประทานน้ำมันมะพร้าวที่ดีที่สุด คือ ทานก่อนอาหารครึ่งชั่วโมง(ขึ้นอยู่กับการดำเนินชีวิตของแต่ละบุคคล ในระยะแรกที่เริ่มทานควรทานมื้อไหน ก็ควรจะทานมื้อนั้นไปตลอด เพราะให้ร่างกายปรับตัวและสมดุลก่อน)
เด็กอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป วันละ 1-2 ช้อนชา
ผู้ใหญ่/ผู้สูงอายุรับประทานวันละ 1-2 ช้อนโต๊ะต่อมื้อ
กรณีพิเศษ สำหรับผู้ที่ร่างกายขาดสารอาหาร หรือผอมกว่าปกติ สามารถทานหลังอาหารได้ทันที เพื่อความสมบูรณ์ของร่างกาย
5.ทำไมการทานน้ำมันมะพร้าวจึงเป็นผลดีต่อสุขภาพ
6.คุณภาพของน้ำมันมะพร้าวที่ดี ดูได้จากอะไรบ้าง?
ทางเรามีวิธีง่ายๆ ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ด้วยตนเองได้ ด้วยหลัก 4 ด. ดังนี้
นอกจากการดูคุณภาพของน้ำมันมะพร้าวเบื้องต้น ด้วยหลัก 4 ด. แล้ว เราสามารถดูได้ได้รับการรับรองและเลขสารบบ อย. บนฉลากของผลิตภัณฑ์เป็นตัวบ่งชี้ถึงมาตรฐานของการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงโรงงานผลิตที่มีมาตรฐานซึ่งต้องได้รับการตรวจสอบ ดูแลจาก อ.ย. ทุกๆ 6 เดือนในแง่ของความสะอาด ปลอดภัย รวมถึงมาตรฐานการผลิตที่ต้องได้รับรองด้วยระบบ GMP และ HACCP
7.น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง
8 . ทำไมรับประทานน้ำมันมะพร้าวแล้วจึงมีอาการระบายท้อง หรือท้องเสีย
พูดง่ายๆ ก็คือ ในผู้ที่ไม่เคยทานน้ำมันมะพร้าวมาก่อน น้ำมันจะไปทำการ detox ลำไส้ให้สะอาดขึ้นโดยไม่ทำลายแบคทีเรียที่เป็นประโบชน์ต่อลำไส้ ทำให้สิ่งที่ตกค้างในลำไส้ออกมา ร่างกายจึงมีการขับถ่ายของเสียออกมาพร้องกับอุจจาระ ในเชิงวิชาการกล่าวคือ ในลำไส้ใหญ่ของเราจะอุดมไปด้วย PROBIOTIC แบคทีเรียชนิดดีอยู่เป็นจำนวนมาก ทำหน้าที่ควบคุมเชื้อยีสต์ และเชื้อรา (ซึ่งเป็นสาเหตุของลำไส้ใหญ่อักเสบ เชื้อราในช่องคลอด) เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ซึ่งมีมากใน ผัก ผลไม้ PROBIOTIC จะใช้เอนไซม์ช่วยย่อย สิ่งที่ได้หลังการย่อย จะได้เป็นกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) และกรดไขมันสายปานกลาง (MCFAs) ในสภาวะที่อุดมไปด้วยกรดไขมันนี้เป็นสภาวะที่เอื้อให้ PROBIOTIC เพิ่มจำนวนขึ้นมากอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การย่อยในลำไส้ใหญ่มีประสิทธิภาพสูง จึงขับถ่ายเร็วขึ้น และขับของเสียออกมาอย่างสะดวกสบายท้อง
ทั้งนี้น้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยกรดไขมันสายปานกลาง (MCFAs) จึงมีผลต่อ PROBIOTIC ทันทีที่น้ำมันเดินทางไปถึงลำไส้ใหญ่ ดังนั้นหลังจากรับประทานน้ำมันมะพร้าวไปได้ไม่นาน จะรู้สึกเป็นการกระตุ้นลำไส้ให้ขับถ่าย บวกกับคุณสมบัติความลื่นของไขมันจึงช่วยส่งเสริมให้การขับถ่าย ไหลลื่น สะดวดรวดเร็ว
การขับถ่ายที่ถ่ายท้องมากขึ้นหรือมีอาการท้องเสียร่วมด้วย คนส่วนใหญ่อาจจะกินเวลาประมาณ 1 ถึง 3 อาทิตย์ หรือบางคนอาจจะไม่เกิดอาการแบบนี้เลย ขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายของแต่ละคน หลังจากนั้นร่างกายจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ถ้าทานน้ำมันมะพร้าวในตอนเช้าซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายขับถ่ายปกติ จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาตี 5 ถึง 5 โมงเช้า อาจจะมีอาการอ่อนเพลียหรือหมดแรง คล้ายกับการกินยาระบาย ทางเราแนะนำให้เปลี่ยนเวลาในการทาน จากตอนเช้าเป็นตอนเย็นแทน
9. การที่น้ำมันมะพร้าวเป็นไขหมายถึงอะไรและมีผลเสียต่อร่างกายหรือไม่
เป็นความเชื่อผิดๆ ที่สั่งสมกันมาพอควร กับความเป็นไขของน้ำมัน ซึ่งในความเป็นจริงทางวิชาการนั้น
น้ำมันและไขมันนั้นมีความแตกต่างกัน แต่น้ำมันและไขมันมักจะถูกใช้แทนที่กันเสมอ
น้ำมันมีสถานะเป็นของเหลว ส่วนไขมันมีสถานะเป็นของแข็ง น้ำมันทุกชนิด สามารถกลายเป็นไขได้ แต่จะเป็นไข ณ อุณหภูมิที่แตกต่างกัน น้ำมันมะพร้าวเป็นไข จะเป็นไขที่อุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียสหรือในพื้นที่ที่มีความเย็น ไขที่เกิดขึ้นจะที่มีลักษณะเป็นสีขาวขุ่น ความเป็นไขของน้ำมันมะพร้าวไม่ใช่เครื่องบ่งชี้ของน้ำมันที่เสีย แต่เป็นการบ่งบอกถึงคุณภาพของน้ำมันที่ดี เพราะคุณมั่นใจได้ว่า ไม่มีการใส่สารเคมีหรือตัวแคตตะไลท์ใดๆ ลงไป ทำให้ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและปลอดภัยในการบริโภค
วิธีแก้ง่ายๆ เมื่อน้ำมันกลายเป็นไข
ถึงแม้น้ำมันมะพร้าวจะเป็นผลิตผลของพืชเมืองร้อน แต่กลับเป็นที่นิยมของผู้คนเป็นจำนวนมากที่อยู่ในเขตหนาวหรือยุโรป ความเป็นไขของน้ำมันมะพร้าวจึงถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในสภาวะแวดล้อมแบบนั้น ภาชนะที่ใช้ให้เหมาะสมจึงใช้เป็นกระปุกปากกว้างเหมือนขวดแยม เพื่อใช้ตักชิ้นไขของน้ำมันแทนการเท
10. น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นมีอายุการใช้งานนานเท่าไร
ปกติน้ำมันมะพร้าวที่ผ่านกรรมวิธีการผลิตด้วยวิธีการสกัดเย็น จะมีอายุ 2 ปี หรือ SHELF LIFE (อายุของผลิตภัณฑ์) ไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่ผลิต น้ำมันมะพร้าว Native oil ของเราผลิตด้วยวิธีการสกัดเย็นด้วย Centifuge 3 ขั้นตอน และ winterlization technology (การทำให้บริสุทธิ์ด้วยความเย็นจัด) ทำให้น้ำมันของเรามีความเสถียรสูง (ความอยู่ตัว) ทำให้ตัวน้ำมันมีคุณสมบัติเป็นสาร ANTIOXIDANTS จึงป้องกันการเสียจากความชื้นได้นาน ดังนั้นหลังเปิดใช้ควรเก็บให้ห่างจากการความชื้นและแสงแดด จะทำให้ผลิตภัณ์มีอายุการใช้งานได้นานตามระยะเวลาของการเก็บรักษา คือ 2 ปี
11. ทำไมจึงควรเลือกใช้น้ำมันมะพร้าวปรุงอาหารแทนน้ำมันผัดทอดอาหารทั่วไป
เพราะน้ำมันมะพร้าวเป็น น้ำมันที่มีความอิ่มตัวสูง (ไขมันอิ่มตัว 92%,ไขมันไม่อิ่มตัว 8%) จะมีคุณสมบัติคงสภาพและทนต่อความร้อนได้ดี เมื่อโดนความร้อน หรือความร้อนสูงที่ใช้ในการทอด โมเลกุลก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากไม่ยอมให้ ไฮโดรเจน หรือออกซิเจน เข้าไปจับตัวเพิ่ม (ขบวนการ OXIDATION ที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ) แต่น้ำมันที่ไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันถั่วเหลือง แขนของโมเลกุลยังมีช่องว่างอยู่ ไฮโดรเจน หรือ ออกซิเจน จึงเข้าไปจับตัวได้ง่าย เกิดการ OXIDATION เกิดเป็นอนุมูลอิสระ และทำให้น้ำมันเสียได้เร็ว
สาเหตุที่ทำให้น้ำมันเสียมีอยู่ 5 วิธี
ในขบวนการผลิตน้ำมันผ่านกรรมวิธี โมเลกุลของน้ำมันได้ถูกรบกวนและเกิดเป็นอนุมูลอิสระไปแล้วในระดับหนึ่ง และถ้านำมาใช้ซ้ำอีกขบวนการเกิด TRANS FAT จะเกิดขึ้นได้สูงมาก
ปัจจุบันคนไทยมีความรู้สึกที่ดีมากกับน้ำมันมะกอก (VIRGIN OLIVE OIL) ให้ค่านิยมว่าเป็นน้ำมันสุขภาพ และนำมาใช้ปรุงอาหารทุกชนิดในครัว ถึงแม้ว่าน้ำมันมะกอกจะมีกรดโอเลอิกที่มีประโยชน์มากต่อร่างกาย แต่กลับมีปริมาณไขมันอิ่มตัวเพียง 14% ปริมาณไขมันไม่อิ่มตัว 1 ตำแหน่ง 77% และปริมาณไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง 9% ด้วยคุณสมบัตินี้ทำให้น้ำมันมะกอกไม่มีความคงทนต่อความร้อน จึงควรใช้ประกอบอาหาร เช่น น้ำสลัด หรือ การผัดอาหารที่ใช้น้ำมันไม่มาก และไม่ควรใช้ในความร้อนสูง ดังนั้นถ้าต้องการทอดอาหารหรือปรุงอาหารโดยใช้ความร้อนสูง จึงควรใช้น้ำมันที่ผลิตโดยวิธีบีบเย็น (COLD PRESSED) หรือสกัดเย็น (cold extraction) และมีความอิ่มตัวสูงเท่านั้น เนื่องจากมีคุณสมบัติทนต่ออากาศ แสง และความร้อนได้ดี ส่วนน้ำมันพืช COLD PRESSED ชนิดอื่นๆ เมื่อเปิดใช้แล้วควรเก็บไว้ในที่ร่มหรือ ณ อุณหภุมิห้อง เพื่อป้องกันการเกิด OXIDATION จากอากาศและแสง
เยี่ยมชม Facebook page ของเราได้ที่ https://www.facebook.com/Nativehealthybrand
สามารถสั่งซื้อสินค้าได้อีกหนึ่งช่องทางที่
https://www.facebook.com/Nativehealthybrand/app_288916771134535
Line ID : native-brandz
Line@ : @native5665
065-292-6265
096-289-3699
(บันทึก Line เบอร์นี้เท่านั้น)
email : nativeofficial66@gmail.com
หน้าที่เข้าชม | 561,699 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 340,132 ครั้ง |
เปิดร้าน | 16 ก.ย. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 31 ส.ค. 2568 |
website : www.Native-brandz.com นี้ รองรับการเปิดเว็บไซน์ด้วย Chorme Firefox สำหรับ IE (การทำงานจะช้ากว่าปกติ)