พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2545 ให้คำจำกัดความของคำว่า กลั้ว และ กลอก ดังนี้ :
กลั้ว ก. เอาน้ำหรือของเหลวเข้าไปสัมผัสให้ชุ่ม
กลอก ก. เคลื่อนไหวขยับเขยื้อนกลับไปกลับมาภายในเขตของสิ่งนั้นๆ
เมื่อนำสองคำมารวมกัน เป็น กลั้วกลอก ก็หมายถึง “การเอาของเหลว (ซึ่งในที่นี้คือ น้ำมันมะพร้าว) เข้าไปในปาก แล้วเคลื่อนหรือขยับเขยื้อนของเหลวกลับไปกลับมาภายในช่องปาก” อันเป็นคำที่มีความหมายใกล้เคียงที่สุดกับคำว่า Oil Pulling ที่ใช้ในภาษาอังกฤษในปัจจุบัน
การกลั้วกลอกน้ำมันมะพร้าวในปาก เพื่อให้มันช่วย “ดูด ดึง ดัน” เชื้อโรค รวมทั้งสารพิษที่เชื้อโรคสร้างขึ้น ลดโอกาสเข้าไปในกระแสเลือด และในร่างกาย จึงเท่ากับเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดโรคต่างๆ ทำให้สุขภาพของปาก และของร่างกายโดยรวมดีขึ้น น้ำมันมะพร้าวมีสมบัติที่ดีเด่นกว่าน้ำมันอื่นๆทั้งหมดเพราะ
แต่จุดเด่น ของการกลั้วกลอกน้ำมันมะพร้าวในปาก อยู่ที่การที่น้ำมันมะพร้าวมีสภาพเป็นไขมันที่มีความเหมือนกันกับไขมันที่เป็นเยื่อหุ้มตัวของเชื้อโรค เมื่อเชื้อโรคเหล่านั้น ดูดน้ำมันมะพร้าวเข้าไปที่เยื่อหุ้มตัวแล้ว น้ำมันมะพร้าวจะสามารถทำละลายเยื่อหุ้มตัวนี้ แล้วปล่อยกรดไขมันขนาดกลาง ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ เข้าไปทำลายเชื้อโรค
การกลั้วกลอกน้ำมันมะพร้าวในปากทำงานได้อย่างไร?
การกลั้วกลอกน้ำมันมะพร้าวในปาก เป็นการบำบัดที่ทำได้ง่ายที่สุด แต่ก็มีประสิทธิภาพมากที่สุดในบรรดาการรักษาทางธรรมชาติด้วยเช่นกัน สำหรับหลายๆคนมีความรู้สึกว่า แค่การอมและเคลื่อนน้ำมันไปทั่วๆปาก ไม่น่าจะช่วยรักษาโรคได้ อันที่จริงการกลั้วกลอกน้ำมันมะพร้าวในปาก ไม่ได้รักษาโรค แต่มันช่วยขจัดแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของโรค หรือเป็นตัวการปล่อยสารพิษสู่ร่างกายให้หมดไป เพื่อให้ร่างกายมีโอกาสได้ฟื้นฟู การกลั้วกลอกน้ำมันมะพร้าวในปากเป็นกระบวนการทางชีววิทยาล้วนๆ แบคทีเรียในช่องปากที่ก่อให้เกิดโรคโรคอันเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ที่มีไขมันห่อหุ้มตัวมัน เมื่อท่านเทน้ำมันลงในน้ำ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ น้ำกับน้ำมันจะแยกกันอยู่ ไม่ยอมผสมรวมกัน แต่ถ้าท่านเทน้ำมันสองชนิดเข้าด้วยกัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ น้ำมันทั้งสองจะผสมรวมและดึงดูดซึ่งกันและกัน นี่คือความลับของการกลั้วกลอกน้ำมันมะพร้าวในปาก
เมื่อคุณเทน้ำมันมะพร้าวลงในปาก เยื่อหุ้มเซลล์ที่เป็นน้ำมันหรือไขมันของแบคทีเรียจะถูกน้ำมันดูดไว้ ขณะคุณเคลื่อนน้ำมันไปทั่วช่องปาก แบคทีเรียที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยแยกของเหงือกและฟันหรือตามซอกของฟัน จะถูกดูดออกจากที่ซ่อน และติดอยู่ในส่วนผสมของน้ำมัน ยิ่งนานยิ่งมาก หลังจากผ่านไป 15 นาที ส่วนผสมของน้ำมัน จะเต็มไปด้วยแบคทีเรีย ไวรัส ฯลฯ ท่านจึงควรบ้วนทิ้งไปมากกว่าที่จะกลืนมันลงไปในท้อง เศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟัน ซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรีย จะถูกดูดออกด้วยเช่นกัน สิ่งที่ไม่ใช่น้ำมัน ก็จะถูกดูดออกด้วยน้ำลาย น้ำลายยังช่วยลดกรดที่เกิดจากแบคทีเรียเมื่อแบคทีเรีย รวมทั้งพิษร้ายที่เกิดจากแบคทีเรีย ถูกดูดออกไป จึงเป็นโอกาสดีที่ร่างกายได้ทำการฟื้นฟู การอักเสบทั้งหลายจะหมดไป กระแสเลือดเป็นปกติ เนื้อเยื่อที่เสียหายได้รับการซ่อมแซม การมีสุขภาพดีจึงกลับมาในที่สุด
งานวิจัยที่สนับสนุน
การปรับปรุงโดย ดร.ไฟฟ์
ดร. ไฟฟ์ (Bruce Fife) ผู้อำนวยการวิจัย ศูนย์วิจัยน้ำมันมะพร้าวที่เมืองโคโลราโดสปริงส์ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นนักโภชนาการ และแพทย์ธรรมชาติบำบัดที่มีชื่อเสียง อีกทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันมะพร้าวระดับโลก ซึ่งได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับน้ำมันมะพร้าวหลายเล่ม เช่น The Healing Miracles of Coconut Oil (Fife, 2000) The Coconut Oil Miracles (Fife, 2004) Eat Fat-Look Thin (Fife, 2005a) Coconut Cures (Fife, 2005b) ท่านก็เป็นผู้หนึ่ง ที่มีความสงสัยในรายงานเหมือนปาฏิหาริย์ของการใช้น้ำมันพืชกลั้วกลอกปาก โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่า เหตุใดการอมน้ำมัน จึงช่วยรักษาโรคได้ ท่านได้เริ่มศึกษาวิธีการใช้น้ำมันพืชกลั้วกลอกปากของดร.การาจ อย่างจริงจัง รวมทั้งศึกษารายงานอีกเป็นร้อยๆ ชิ้น ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่า การใช้น้ำมันพืชกลั้วกลอกปากนั้นเป็นการรักษาของแพทย์ทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์สนับสนุน ดร.ไฟฟ์ จึงได้เรียบเรียงเป็นหนังสือ ชื่อ Oil Pulling Therapy ซึ่งสาระสำคัญส่วนใหญ่ของเอกสารเล่มนี้ ก็ได้มาจากหนังสือดังกล่าว (Fife, 2008)
สิ่งสำคัญอันหนึ่งที่ ดร.ไฟฟ์ ปรับปรุงก็คือ การเปลี่ยนจากน้ำมันดอกทานตะวันไปเป็นน้ำมันมะพร้าว ซึ่งให้ผลดีกว่าน้ำมันดอกทานตะวัน ได้แก่
ช่วงเวลาที่เหมาะที่จะทำการกลั้วกลอกน้ำมันมะพร้าวในปาก
จากการศึกษาของ Slanetz and Brown (1949) พบว่า ปริมาณของแบคทีเรียในช่องปาก มีการเปลี่ยนแปลงในระหว่างวัน การรับประทานทำให้แบคทีเรียในช่องปาก มีการเปลี่ยนแปลงในระหว่างวัน การับประทานทำให้แบคทีเรียบางส่วน ผสมกับอาหาร และน้ำลาย ในที่สุดก็ถูกกลืนลงไปในท้อง ปริมาณแบคทีเรีย มีมากสุดในตอนเช้าก่อนรับประทานอาหาร การแปรงฟันช่วยลดปริมาณแบคทีเรียได้ไม่มาก เนื่องจากฟันมีพื้นที่แค่ 10% ของช่องปาก ก่อนอาหารกลางวัน ปริมาณแบคทีเรียจะเพิ่มสูงขึ้น เกือบเท่าตอนก่อนอาหารเช้า และลดลงมากที่สุดภายหลังรับประทานอาหารเย็น เมื่อท่านหลับ แบคทีเรียก็มีโอกาสกลับมาเพิ่มจำนวนขึ้นใหม่ โดยไม่มีสิ่งใดมารบกวน การทำการกลั้วกลอกน้ำมันมะพร้าวในปากจึงควรทำเป็นสิ่งแรกในตอนเช้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แบคทีเรียในช่องปากมีปริมาณมากที่สุด
อ้างอิงจาก :
Fife, B. 2004. The Coconut Oil Miracle. Avery , New York, NY , USA.
Fife, B. 2005a. Eat Fat, Look Thin : A Safe and Natural Way to Lose Weight Permanently, 2 nd ed. Piccadilly Books, Colorado Springs, CO, USA.
เยี่ยมชม Facebook page ของเราได้ที่ https://www.facebook.com/Nativehealthybrand
สามารถสั่งซื้อสินค้าได้อีกหนึ่งช่องทางที่
https://www.facebook.com/Nativehealthybrand/app_288916771134535
website : www.Native-brandz.com นี้ รองรับการเปิดเว็บไซน์ด้วย Chorme Firefox สำหรับ IE (การทำงานจะช้ากว่าปกติ)